กระดังงา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polyalthia jenkinsii Hook.f.& Thomson
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ชื่อพื้นเมือง : กระดังงา (ทั่วไป); กระดังงาไทย, กระดังงาใบใหญ่, กระดังงาใหญ่ (ภาคกลาง); สะบันงา, สะบันงาต้น (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้น
ลำต้น เป็นไม้ต้น สูง 10-15 เมตร เปลือกเรียบ สีเทาปนน้ำตาลเป็นร่องตามยาว เนื้อไม้เปราะ
ใบเดี่ยว รูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน มีขนสีน้ำตาลเข้ม กว้าง 3.5-6 เซนติเมตร ยาว 10-20 เซนติเมตร โคนใบรูปลิ่ม ปลายใบแหลม ใบหนา สีเขียวเข้มเป็นมัน
ดอก ดอกเดี่ยว ออกตรงซอกใบ ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเปลี่ยนสีเหลือง มีกลิ่นหอม
ผล เป็นผลกลุ่ม มี 15-30 ผล ก้านช่อผลยาว 1-2 เซนติเมตร แต่ละผลรูปรี เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม มี 1 เมล็ด
ช่วงการออกดอก บานได้ตลอดทั้งปี และออกดอกมากในช่วงเดือนมกราคม-เดือนมีนาคม
แหล่งที่พบ พบขึ้นตามป่าดิบชื้นทางภาคใต้ ที่ระดับความสูง 100-400 เมตร
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด
การใช้ประโยชน์
สมุนไพร
- ใบและเนื้อไม้ต้มกินเป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการท้องเสีย
- รากกระดังงา มีสรรพคุณเป็นยาคุมกำเนิด
- ใบกระดังงา ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้อาการคัน
- ดอกกระดังงา มีรสหอมสุขุม มีสรรพคุณแก้ลมวิงเวียน ใช้ปรุงเป็นยาหอม ใช้เป็นยาชูกำลัง ทำให้หัวใจชุ่มชื่น บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้อาการอ่อนเพลีย กระหายน้ำ