ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artabotrys hexapetalus (L.f.) Bhandari.
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ชื่อสามัญ : กระดังงาจีน
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
ลำต้น ไม้เถาเนื้อแข็ง เลื้อยพาดซุ้มหรือค้าง ผิวของกิ่งก้านค่อนข้างเรียบ ยอดอ่อนมีขน
ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่าและมีขนประปรายตามเส้นกลางใบ
ดอก ช่อดอกออกตรงข้ามกับใบ ก้านแบนและโค้งงอคล้ายขอ ดอกใหญ่มี 1-5 ดอก ออกตามส่วนโค้งของก้านช่อดอก ดอกอ่อนสีเขียว มีขน เมื่อแก่สีเหลือง ผิวค่อนข้างเรียบ กลิ่นหอม กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกเรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ รูปขอบขนานปลายแหลม โคนกลีบเว้าคล้ายรูปไข่ป้อมและโค้งแนบกับโคนกลีบชั้นใน มีจุดกระสีแดงที่ด้านในของโคนกลีบ เนื้อกลีบหนา ด้านในมีสันกลางกลีบ กลีบดอกชั้นในคล้ายกลีบชั้นนอกแต่ขนาดเล็กกว่า เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก เกสรเพศเมียมีหลายอัน อยู่แยกกัน แต่ยอดเกสรเพศเมียมีเมือกเหนียวติดกัน
ผล เป็นผลกลุ่ม กลุ่มละ 4-20 ผล แต่ละผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ ก้านผลสั้น ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่ละผลมี 1-2 เมล็ด
ช่วงการออกดอก บานได้ตลอดทั้งปี และออกดอกมากในช่วงเดือนมกราคม-เดือนมีนาคม
แหล่งที่พบ ชอบดินที่มีความชุ่มชื้นระบายน้ำได้ดี ชายป่าชื้นทางภาคใต้
ประโยชน์ ดอกมีกลิ่นหอมแรง ปลูกประดับให้ร่มเงาหรือปลูกเป็นซุ้มตามทางเดินริมถนนเพื่อให้ร่มเงา ใช้ทำเครื่องหอมได้