ตะไคร้หอม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon nardus Rendle
ชื่อพื้นเมือง : เซอราวางี (มลายู) ตะไคร้แดง (นครศรีธรรมราช) จะไคมะขูด (ภาคเหนือ)
ชื่อวงศ์ : GRAMINEAE
ลักษณะทั่วไปทางพฤกษศาสตร์
เป็นกอลำต้นเป็นข้อ ใบ ใบเดี่ยวยาวกว่าตะไคร้ ใบกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 100-140 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงสีเขียวกลิ่นหอม ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม เส้นใบแตกแบบขนาน ใบแก่สีเขียวเข้ม มีกลิ่นหอม ดอก ออกเป็นช่อย่อย โดยชูก้านช่อดอกยาว ออกมาจากส่วนยอด ช่อดอกใหญ่ยาวประมาณ 2 เมตร ช่อดอกจะแยกออกเป็นแขนงซึ่งในแต่ละแขนงมี 4-5 ช่อ
ช่วงการออกดอกและติดผล : ระหว่างเดือนธันวาคม – เดือนมกราคม
นิเวศวิทยา : ตามป่าทั่วไป ในที่โล่งแจ้ง
การขยายพันธุ์ : ใช้หน่อหรือเหง้า
สรรพคุณทางสมุนไพร :
ต้น แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมไม่ปกติ
ใบ ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างลำไส้ไม่ให้เกิดซาง
ราก แก้ลมจิตรวาด หัวใจ กระวนกระวาย ฟุ้งซ่าน
เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ขับประจำเดือน ขับปัสสาวะ ไล่แมลง ทำยาตั้งประคบน้ำมัน ใช้ทาป้องกัน ยุง มีฤทธิ์ไล่แมลงและใช้รักษาโรคเห็บสุนัข ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ ริดสีดวงใน ปาก ขับลมในลำไส้แก้แน่น ขับโลหิตระดู มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ผู้ที่มีครรภ์ รับประทานอาจทำให้แท้งได้